แสงสว่างคือความงดงามที่ช่วยทำให้โลกของเราสว่างไสว สิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลกก็ได้พึ่งพาแสงเหล่านี้ในการที่จะดำรงชีวิตอยู่ในแต่ละวัน การมีช่วงเวลากลางวันและกลางคืนจะช่วยให้เราสามารถแบ่งเวลาในการทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างชัดเจนขึ้น ช่วงเวลากลางวันเราจะออกไปทำงาน ขณะเดียวกันสิ่งมีชีวิตหลายชนิดก็จะออกหากินในเวลาเหล่านี้ เมื่อดวงตะวันลับจากขอบฟ้าไป ก็ถึงเวลาที่เราจะหลับใหลพักผ่อนใจในที่สุด
สำหรับประเทศส่วนใหญ่ในโลก การมีกลางวันและกลางคืนแยกออกจากกันอย่างชัดเจนถือเป็นเรื่องปกติ ทุกคนรู้ดีว่าเวลากลางวันจะมีแสงสว่าง ส่วนเวลากลางคืนพื้นที่ทั้งหลายจะเต็มไปด้วยความมืดมิด ขณะที่บนฟ้าก็จะพร่างพราวไปด้วยแสงระยิบระยับของดวงดาว พร้อมกับแสงสีนวลทองของพระจันทร์ แต่ยังมีอยู่บางประเทศที่กลับมีแสงอาทิตย์สาดส่องอยู่ตลอดเวลาในช่วงหน้าร้อน ทำให้ไม่สามารถแยกตอนกลางวันและกลางคืนออกจากกันได้
ประเทศที่มีปรากฏการณ์เที่ยงคืนคือประเทศที่มีพื้นที่อยู่เหนือเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา (รัฐอลาสกา) ประเทศนอร์เวย์ ประเทศสวีเดน ประเทศแคนาดา ประเทศไอซ์แลนด์ ประเทศฟินแลนด์ ประเทศเดนมาร์ก (หมู่เกาะกรีนแลนด์) และประเทศรัสเซีย (บริเวณด้านตะวันตกของประเทศ) สำหรับดินแดนที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ก็มักจะกลายเป็นจุดขายให้แก่สถานที่นั้นๆ เพราะจะดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเที่ยวชมปรากฏการณ์สวยงามนี้ในช่วงฤดูร้อนได้เสมอ
สำหรับประเทศไทยที่มีสภาพอากาศร้อนอยู่ตลอดเวลา การมีพระอาทิตย์เที่ยงคืนบ้างคงนับเป็นฝันร้ายที่ไม่มีใครอยากนึกถึง แต่ในมุมมองของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเขตหนาวตลอดเวลา ฤดูหนาวจะนำพาความเงียบขรึมอึมครึมมาสู่ผู้คน จนส่งผลให้เกิดอาการไม่สดใส และอาจนำไปสู่โรคซึมเศร้าตามฤดูกาลได้ (Seasonal Affective Disorder) เหตุนี้จึงทำให้ชาวต่างชาติในเขตหนาวส่วนใหญ่รู้สึกดีใจเมื่อถึงช่วงฤดูร้อน และมักเปรียบเปรยความสุขกับตอนแดดออกอยู่เสมอ เพราะฤดูร้อนนำพามาซึ่งความอบอุ่นใจที่ทำให้รู้สึกสดชื่นสดใสได้นั่นเอง